1.กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษาและวัฒนธรรม
สมาชิก
ด.ช.มนต์ชัย
พรรณราย ม.2/3 เลขที่ 3
ด.ญ.กนกพร
อ้ายจุ้ม ม.2/3 เลขที่ 28
ด.ญ.กัญญารัตน์ สุนทรวงษ์ ม.2/3 เลขที่ 30
ด.ญ.ปราณปริยา พิมพ์เภา ม.2/3 เลขที่ 32
ด.ญ.วรรณวดี
ทิมุมหิ ม.2/3 เลขที่ 34
สมาชิก
มาตรฐาน ส.3.1 ม.2/2
อธิบายปัจจัยและการผลิตสินค้าและบริการ
และปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการผลิตสินค้าและบริการ
มาตรฐาน ส.4.1
เข้าใจความหมายความสำคัญของเวลา และ
ยุคสมัยทางประวัติศาสตร์สามารถใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์มาวิเคราะห์เหตุการณ์ต่างๆ
อย่างเป็นระบบ
ตัวชี้วัด ม.2/1
ประเมินความน่าเชื่อถือของหลักฐานทางประวัติศาสตร์ในลักษณะต่างๆ
ม.2/2 วิเคราะห์ความแตกต่างระหว่างความจริงกับข้อเท็จจริงของทางประวัติศาสตร์
ม.2/3 เห็นความสำคัญของการตีความหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่น่าเชื่อถือ
ประวัติอำเภอแม่สอด
การตั้งถิ่นฐาน
แม่สอดเป็นเมืองอยู่ทางซีกตะวันตกของแม่น้ำปิง
ประวัติความเป็นมามีหลักฐานว่าเมื่อประมาณ 120 ปีที่ล่วงมา (ประมาณปี พ.ศ. 2404-2405) บริเวณที่ตั้งอำเภอหรือชุมชนใหญ่ของอำเภอในปัจจุบันนี้
ได้มีชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงตั้งถิ่นฐานทำมาหากินอยู่ เรียกชื่อหมู่บ้านว่า
"บ้านพะหน่อแก"
ต่อมามีคนไทยจากถิ่นอื่นหลายท้องที่ทางภาคเหนือได้แก่ชาวอำเภอเถิน จังหวัดลำปาง
(ชาวอำเภอเถินยังอพยพไปอำเภอทุ่งเสลี่ยม จังหวัดสุโขทัยอีกด้วย)
พากันอพยพลงมาทำมาหากิจในบริเวณหมู่บ้านนี้เป็นจำนวนมาก และเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
ทำให้ชาวกะเหรี่ยงเจ้าของถิ่นฐานเดิมซึ่งไม่ชอบอยู่ปะปนกับชนเผ่าอื่นต้องพากันอพยพไปอยู่ที่อื่น
หมู่บ้านแห่งนี้ได้เจริญขึ้นตามลำดับ
จนทางราชการได้ย้ายด่านเก็บภาษีอากรจากบ้านแม่ละเมา
มาอยู่ที่หมู่บ้านพะหน่อแกแห่งนี้ จนถึงปี พ.ศ. 2441
ทางราชการจึงได้ยกฐานะหมู่บ้านขึ้นเป็นอำเภอ เรียกชื่อว่า อำเภอแม่สอด
ให้อยู่ในเขตปกครองของมณฑลนครสวรรค์
ต่อมาเมื่อมีการมีการปรับปรุงแก้ไขระบบบริหารราชการส่วนภูมิภาค
อำเภอแม่สอดจึงได้เปลี่ยนมาขึ้นกับจังหวัดตาก
สมัยก่อนประวัติศาสตร์
แม่สอดเป็นเมืองในหุบเขาตั้งอยู่ในแอ่งที่ราบแม่สอด
โดยเมื่อประมาณ 200 ล้านปีมาแล้วเคยเป็นทะเลมาก่อน
เนื่องจากมีการค้นพบฟอสซิลหอยชนิดแอมโมไนต์
แอ่งที่ราบแม่สอดมีภูเขาล้อมรอบเหมือนอยู่ในก้นกระทะ แอ่งที่ราบมีลักษณะเป็นแนวยาว
มีแม่น้ำเมยไหลผ่านทางยาวไปตามแนวเขา
และมีลักษณะทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีมากมายทั้งตามหุบเขาไม่ไกลนักจากตัวเมืองแม่สอดและบนสองฝั่งตามแนวยาวของแม่น้ำเมย
อย่างไรก็ดี แม่สอดมิใช่เมืองเดียวโดดเดี่ยวในแอ่งที่ราบแม่สอด
ยังมีอีกหลายเมืองที่ตั้งอยู่บนริมฝั่งแม่น้ำเมย ทั้งพบพระ แม่สอด เมียวดี
แม่ระมาด และท่าสองยาง
ตามหุบเขาไม่ไกลนักจากตัวเมืองแม่สอด
ทั้งที่ดอยมะขามป้อมหนึ่งและสอง ดอยสระกุลี ดอยมณฑา และดอยส้มป่อย
บนเส้นทางสายแม่สอด-ตาก มีการค้นพบหลักฐานทางโบราณคดีมากพอสมควร
ทั้งเครื่องใช้ไม้สอยและอาวุธ
สันนิษฐานว่าเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยและทำกิจกรรมของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์
และน่าจะเกี่ยวข้องกับเส้นทางเดินทัพของไทยกับพม่าในสมัยอยุธยา
กรุโบราณซึ่งพบที่บ้านพบพระ
ก็เป็นแหล่งโบราณคดีอีกแห่งหนึ่งที่สำคัญ วัตถุโบราณที่พบมีทั้งเครื่องไม้ใช้สอย
ทั้งอาวุธและเครื่องประดับสำริด
สันนิษฐานว่าเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนย้ายของชนชาติไทยจากจีนในช่วงพุทธศตวรรษที่ 3-4[2]
สมัยประวัติศาสตร์
อำเภอแม่สอดเป็นอำเภอที่มีความเป็นมาในประวัติศาสตร์
เป็นเมืองที่มีพระมหากษัตริย์ในอดีตได้เสด็จมาชุมนุมกองทัพที่เมืองนี้แล้วถึง 3 พระองค์ คือ
พ่อขุนรามคำแหงมหาราชทรงชนช้างกับขุนสามชนเจ้าเมืองฉอด
สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงประกอบอิสรภาพ ณ เมืองแครงและยกทับกลับราชอาณาจักรไทยโดยผ่านดินแดนเมืองตากเป็นแห่งแรก
และสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี
เคยได้รับพระบรมราชโองการแต่งตั้งเป็นเจ้าเมืองตากและเป็นผู้กอบกู้เอกราชของชาติไทยจากพม่าครั้งที่
2
ในสมัยสุโขทัย
มีซากเมืองโบราณอีกหลายแห่งบนทั้งสองฝั่งของแม่น้ำเมย ทั้งในตัวเมืองแม่สอดและในเมียวดีฝั่งพม่า
ที่ตำบลแม่ตื่นและตำบลสามหมื่นในอำเภอแม่ระมาด
แต่ละแห่งที่พบนั้นสร้างขึ้นต่างยุคกัน บางแห่งสันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยสุโขทัย
คำว่า เมืองฉอด ก็ปรากฏเป็นครั้งแรกในสมัยสุโขทัยเช่นกัน มีการกล่าวถึง เมืองฉอด
ในศิลาจารึกหลายหลัก อาทิ ศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงหลักที่หนึ่ง ศิลาจารึกวัดศรีชุม
และศิลาจารึกวัดป่ามะม่วงหลักที่ 1
และ 2 แต่ในปัจจุบันยังไม่สามารถพิสูจน์แน่นอนได้ว่า
เมืองฉอดอยู่ที่ไหนในแอ่งที่ราบแม่สอด ยังจะต้องอาศัยการสำรวจเพิ่มเติม ที่ว่า
เมืองฉอดคือแม่สอดนั้นเป็นเพียงข้อสันนิษฐานเท่านั้น[3]
ในสมัยอยุธยา คำว่า
"เมืองฉอด" ไม่มีปรากฏในเอกสาร
โดยมีการกล่าวถึงด่านแม่ละเมาซึ่งอยู่ในเขตแม่สอด
และเป็นเส้นทางเดินทัพของกองทัพพม่า
สมัยปัจจุบัน
อำเภอแม่สอดได้ถูกเสนอชื่อเพื่อยกฐานะขึ้นเป็นจังหวัดแม่สอดพร้อมกับสี่อำเภอข้างเคียง
ที่มาและความหมายของ “ต้นไม้หยกเส้นทางสู่อาชีพในชุมชน”
หยก ได้ชื่อว่าเป็นอัญมณีจากสวรรค์เชื่อว่าหยกมีพลังลึกลับสามารถผลักดันความเป็นสิริมงคลให้แก่ผู้บูชา ซึ่งสืบทอดความเชื่อถือนี้มาแต่โบราณ ซึ่งได้มีการพบหยกเจไดต์ในพม่าตอนเหนือติดกับจีน
ความหมายของหยกแต่ละสี
หยกสีแดง ทำให้มีความรู้อ่อนไหวในเรื่องของความรัก ลดความโกรธและความเครียด
หยกสีเหลือง เพิ่มพลังพลังและการกระตุ้นชีวิตให้มีความสุข ระลึกถึงการเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตและการ เชื่อมโยงของสิ่งมีชีวิตในโลกแห่งนี้
หยกสีฟ้าแกมเขียว เป็นเครื่องหมายของสันติ นำความสงบเข้ามาสู่จิตใจ สามารถรักษาผู้ที่ไม่สามารถควบคุมตัวเอง ได้
หยกสีม่วง จะรักษาอารมณ์ที่เจ็บปวดควบคุมอารมณ์ให้มีความอดกลั้น
พื้นที่การทำอาชีพนี้
ตลาดริมเมย ถือชุมชนบริเวณฝั่งแม่น้ำเมย ในอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ตรงข้ามกับอำเภอเมียวดีของสหภาพพม่า เป็นตลาดค้าขายสินค้าพื้นเมืองมากมายของไทย และ สหภาพพม่า ซึ่งแม้ตลาดริมเมยจะไม่ใหญ่โตเหมือนตลาดการค้าชายแดนอย่างตลาดแม่สาย หรือ ตลาดโรงเกลือ แต่ที่นี้ก็มีสินค้าที่น่าสนใจ และ ราคาถูกมากมายให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อเป็นของฝาก และ สินค้าที่น่าสนใจซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ นิยมซื้อกับมาเป็นของฝากจากจังหวัดตาก คงหนีไม่พ้น “ ต้นไม้หยก”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น